The Last Voyage of the Demeter การเดินทางครั้งสุดท้ายของเดอมิเทอร์ ภาพยนตร์แนวผจญภัยสยองขวัญที่กำกับโดย André Øvredal ซึ่งเป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายตั้งแต่ปี 1927 กันอีกด้วย โดยเล่าเรื่องราวของเรือบรรทุกสินค้า Demeter ที่แล่นจากไครเมียไปยังอังกฤษ มีทั้งโลงศพบรรจุร่างของ Count Dracula และเหล่าภูติผีปีศาจมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด
สำหรับหนังได้เริ่มต้นด้วยฉากเรือบรรทุกสินค้า Demeter แล่นอยู่กลางทะเลท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำแน่นอนว่าข้างในก็ต้องเป็นโลงศพบรรจุร่างของ Count Dracula ที่กำลังเดินทางมายังอังกฤษ ด้านกัปตันและลูกเรือต่างพากันหวาดกลัว ขวัญเสีย เพราะทุกคนบนเรือต่างก็รู้ดีว่า Count Dracula เป็นปีศาจร้ายที่คอยดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แม้จะรู้ว่าศพนี้ไม่สามารถฟื้นมาได้แต่ก็อดกลัวไม่ได้นั่นเอง
จนกระทั่งท่ามกลางความมืดมิดของพายุฝน ลูกเรือเริ่มประสบกับเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ มากมาย บางคนก็เห็นเงาดำรูปร่างคล้ายมนุษย์เดินไปมาบนดาดฟ้าเรือ บางคนได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัว ลูกเรือบางคนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนกัปตันเรือเริ่มสงสัยว่าเหตุการณ์เหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับ Count Dracula ที่กำลังล่องเรือมาด้วยหรือไม่กันแน่
เหตุการณ์ต่างๆ ค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ลูกเรือเริ่มตายทีละคนๆ บางคนก็หายไปแบบงงๆ จนกระทั่งกัปตันเรือได้มาพบกับ Count Dracula ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาตัวเป็นๆ อย่างน่าสงสัยว่านี่คือผีร้ายแน่นอน จนสุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของปีศาจร้ายตนนี้ในที่สุด เหลือเพียงสองลูกเรือที่ยังรอดชีวิต และต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากเรือลำนี้ให้ได้เพื่อขึ้นฝั่งอังกฤษให้ได้อย่างปลอดภัย
ต้องบอกตามตรงเลยว่าพล็อตของเรื่อง The Last Voyage of the Demeter นั้นค่อนข้างง่ายไปหน่อย กับการเล่าเรื่องแบบนี้ในยุคนี้ แถมยังใช้ตัวละครเก่าๆ ที่ไม่ได้ครีเอทอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการหยิบเรื่องราวจากนิยายตั้งแต่ปี 1927 ออกมาเนรมิตรให้เป็นภาพยนตร์นั่นเอง ซึ่งถ้าพล็อตและตัวละครต่างๆ จะดูย้อนยุคไปบ้างก็คงไม่แปลกอะไรเท่าไร
การใส่บทและองค์ประกอบต่างๆ นั้นทำออกมาได้ดีทีเดียว ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนังเก่าเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่หยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ในเวอร์ชั่นนี้เท่านั้น ดังนั้นเราจึงได้เห็นซีจีและงานภาพ ฉากต่างๆ ที่ถือว่าสวยงามและออกแบบมาได้ดีมากทีเดียว เราจะได้เห็นบรรยากาศความน่ากลัวบนเรือสำเภาลำใหญ่ การล่องกลางมหาสมุทรแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งรู้สึกว่าเหมือนสถานที่ปิดตายที่ต้องเจอกับภูติผีปีศาจบนเรือเต็มๆ เลยทีเดียว
ด้านผู้กำกับยังใส่ลูกเล่นได้อย่างน่าสนใจ บทหนังที่ไม่ได้เล่าเรื่องราวแบบตรงไปตรงมา แต่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบย้อนหลัง ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นระทึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แถมยังแอบหักมุมเล็กๆ ไว้อีกด้วย ส่วนข้อเสียนั้นก็น่าจะอยู่ที่ความยาวไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะค่อนข้างจบเร็วและรวบรัดเกินไป ทำให้ผู้ชมยังไม่ทันได้สัมผัสกับบรรยากาศของความน่ากลัวอย่างเต็มที่ ที่สำคัญยังขาดความแปลกใหม่ เพราะเนื้อเรื่องหลักคล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง Dracula ของ Universal Pictures
โดยรวมก็ถือว่าให้ The Last Voyage of the Demeter เป็นหนังผีสยองขวัญที่ขายความเป็นแดร็คคูล่าได้แบบเต็มๆ ในปี 2023 ความน่ากลัว ความหลอนอยู่ในขั้นที่พอได้ตกใจกันบ้าง แต่อาจจะไม่ได้ต้องคาดหวังอะไรที่แปลกใหม่จากหนังผีเรื่องอื่นๆ ไปมากเท่าไรนัก เอาเป็นว่าสาวกหนังผี หนังสยองขวัญต้องลองไปติดตามรับชมกัน